หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น จุดเด่นของแต่ละหนังสือเรียน


    เมื่อจะสอนภาษาญี่ปุ่น โรงเรียนภาษาญี่ปุ่นจำนวนมากใช้หนังสือเรียน Genki โดยมีหนังสือเรียนและแบบฝึกหัดแบ่งเป็นครึ่งแรกและครึ่งหลังอย่างละ 2 เล่ม รวมทั้งหมด 4 เล่ม มีการสรุปไว้เพื่อให้เรียนทักษะภาษาญี่ปุ่นทั้ง 4 ได้แก่ การสนทนา ไวยกรณ์ การอ่าน และการเขียนได้อย่างสมดุล มีตั้งแต่รูปแบบคำ คำศัพท์และไวยกรณ์ที่จำเป็น โดยทำเป็นรูปแบบบทสนทนาใกล้ตัว เช่น จดหมาย เรื่องเล่า เรียงความ โฆษณา เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันทันทีทั้งสิ้น ส่วนคันจิจะมีตารางคันจิให้ แยกเป็นแถววิธีอ่าน ความหมาย จำนวนเส้น ลำดับการเขียน และมีความหมายภาษาอังกฤษด้วย มีการใช้รูปภาพมากมายด้วย ทำให้เข้าใจได้ด้วยการดู และยังมีการจับคู่ฝึกหรือการทำกิจกรรมเป็นกลุ่มเพื่อให้สิ่งที่เรียนมาซึมซับเข้าไปในหัว ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ เรียนได้อย่างกระตือรือร้นมากขึ้น การฝึกฝนซ้ำไปมาจะทำให้ตรวจสอบจุดที่กำกวมหรือจุดที่จำไปอย่างผิดๆได้ จึงทำให้ความเข้าใจมีมากขึ้น ทั้งหนังสือเรียนและแบบฝึกหัดมีเสียงให้ฟังด้วย จึงสามารถเรียนด้วยตัวเองได้ด้วย และยังมีหนังสือคู่มือการสอน ทำให้การสอนในโรงเรียนภาษาญี่ปุ่นมีความเป็นหนึ่งเดียว หนังสือเรียน Genki ทั้งหมดสามารถวางแผนการเรียนการสอนได้ประมาณ 200 ชั่วโมง หนังสือเรียนที่มีชื่อเสียงต่อไปคือ มินนะโนะนิฮงโกะ ซึ่งมีหนังสือเรียน 2 เล่ม มีในรูปแบบภาษาต่างประเทศ 11 ภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น และยังมีหนังสือรวบโจทย์ปัญหา สมุดฝึกรูปแบบประโยค สมุดฝึกคันจิ หรือหนังสือภาพด้วย โครงสร้างจะมีตั้งแต่แบบง่ายจนถึงแบบยาก เรียนโดยเน้นการอ่าน การฟัง และการพูดเป็นหลัก ตัวอย่างบทสนทนาต่างๆทำมาจากชีวิตประจำวัน หากเรียนหนังสือเรียนนี้จนสำเร็จ ก็จะมีความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นในระดับนึง หากใช้ DVD บทสนทนา ก็จะทำให้เรียนการฟังและรูปแบบประโยคได้อย่างครบถ้วน คันจิในฉบับแก้ไขฉบับที่ 2 ก็เพิ่มจากคันจิของเก่าเป็นเท่าตัว หนังสือเรียน 2 แบบนี้มีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่มีโครงสร้างเหมือนกัน ผู้ที่อยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษสามารถเลิอกอันใดอันหนึ่งได้ตามแต่ความชอบ สำหรับชาวต่างชาตินอกเหนือจากนั้นสามารถใช้ "มินนะโนะนิฮงโกะ" ได้ เพราะมีในหลายภาษา ตารางคันจิก็มีแยกเป็นดรรชนีต่างหาก ทำให้ตรวจสอบคันจิที่อ่านยากได้ทันที